fbpx

การเลือกใช้ยาสีฟันสำหรับเด็ก

ยาสีฟันสำหรับเด็กมีให้เลือกมากมาย แล้วแบบไหนดีที่สุดสำหรับลูก

Cr. ยาสีฟันสำหรับเด็กมีให้เลือกมากมายแล้วแบบไหนดีที่สุดสำหรับลูก (homeydentalclinic.com)

 เลือกซื้อยาสีฟันสำหรับเด็กทั้งที คุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะครับ แต่ว่ายาสีฟันที่ดีนั้นจะต้องมีส่วนผสมที่ดีและเหมาะสำหรับช่องปากของเด็กแต่ละวัยด้วย แล้วแบบไหนที่เรียกว่าเหมาะสมบ้างวันนี้เรามีคำตอบครับ

ยาสีฟันสำหรับเด็ก

หลักการเลือกยาสีฟันสำหรับเด็กมีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปคุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มให้ลูกใช้ยาสีฟันได้ตั้งแต่อายุ 2 ปีขึ้นไป แม้ว่าผู้ผลิตยาสีฟันส่วนใหญ่ได้ติดข้อความกำกับว่าเหมาะสำหรับช่วงวัยไหนของเด็กบ้าง แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่เองก็ควรทำความเข้าใจก่อนว่า ยาสีฟันสำหรับเด็กนั้นควรมีส่วนผสมของอะไร ใช้งานอย่างไรบ้าง เพื่อป้องกันปัญหาฟันที่อาจเกิดจากการเลือกใช้ยาสีฟันผิดประเภทได้ด้วย ดังนี้

1. ส่วนประกอบสำคัญในยาสีฟัน

1.1 ฟลูออไรด์ (Fluoride)

เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของฟัน ช่วยให้เกิดกระบวนการกลับคืนของแร่ธาตุภายในฟัน ยับยั้งแบคทีเรียไม่ให้เจริญเติบโตจนก่อตัวเป็นคราบพลัค กรณีของเด็กเล็กมากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ไปก่อน และควรมีปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันไม่เกิน 1,500 ppm

1.2 โพรไบโอติกส์ (Probiotics)

เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่เสริมสร้างการทำงานของแลคโตบาซิลลัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดี ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในช่องปาก ไม่ให้แบคทีเรียชนิดไม่ดีเจริญเติบโตจนสร้างคราบพลัคในช่องปาก อันเป็นสาเหตุของปัญหาฟันอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ช่วยลดกลิ่นปากด้วย

1.3 ไซลิทอล

เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล นอกจากจะให้รสหวานดึงดูดเด็กให้ชอบแปรงฟันแล้ว ยังช่วยลดปริมาณแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นสาเหตุของฟันผุได้อีกด้วย แถมยังกระตุ้นกระบวนการสะสมกลับของแร่ธาตุในฟันผุ

1.4 มีผงขัดเนื้อละเอียด

หากเป็นผงขัดโดยทั่วไปเมื่อใช้นาน ๆ อาจทำให้สารเคลือบฟันสึกกร่อนจากการเสียดสีระหว่างผงขัดและตัวฟัน แทนที่จะขจัดคราบตามซอกเพื่อป้องกันเหงือกบวม แต่ถ้าเป็นผงขัดเนื้อละเอียดนั้นจะช่วยทำความสะอาดซอกฟันลึก ๆ และถนอมฟันจากการสึกกร่อนไปในตัว

1.5 ปราศจากสารเติมแต่ง

ยาสีฟันเด็กที่ดีไม่ควรมีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดฟอง, สีสังเคราะห์, สารฟอกสีฟัน และวัตถุกันเสีย เนื่องจากสารเหล่านี้จะขูดผิวฟัน หากใช้นานวันเข้าจะทำให้สารเคลือบฟันสึกกร่อนและเกิดอาการระคายเคืองในช่องปากจนเกิดแผลในช่องปากและเหงือกบวม เหงือกร่นตามมา

เลือกยาสีฟันดีแล้วต้องมีความรู้เรื่องการแปรงฟันที่ถูกต้องด้วยนะ

1. วิธีบีบยาสีฟันสำหรับเด็ก

  • สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ควรบีบยาสีฟันขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร หรือป้ายบาง ๆ บนขนแปรง
  • สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ควรบีบยาสีฟันขนาดเท่าความกว้างของหน้าแปรง
  • สำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ควรบีบยาสีฟันขนาดเท่าความยาวของหน้าแปรง

2. วิธีการแปรงฟันสำหรับเด็ก

  • วางแปรงลงบนฟันหน้าในแนวนอน ทำมุม 45 องศา ระหว่างรอยต่อของเหงือกและฟัน
  • ขยับแปรงไปมาในช่วงสั้น ๆ ขยับตามแนวฟันและเหงือกอย่างเบามือ เริ่มแปรงจากด้านนอกไปด้านในให้ครบทั้งฟันบนและฟันล่าง อย่างน้อย 10 ครั้ง
  • ขยับแปรงไปฟันบนและปัดลง ส่วนฟันล่างให้ปัดขึ้น แปรงจากด้านนอกเข้าไปด้านใน อย่างน้อย 10 ครั้ง
  • แปรงลิ้นจนทั่วอย่างน้อย 10 ครั้ง เพื่อกำจัดแบคทีเรียบนลิ้น
  • แปรงเสร็จให้ล้างริมฝีปากด้วยน้ำสะอาดไม่ให้มีฟองติด แต่หากไม่คุ้นชินกับการแปรงแบบนี้ (แปรงแห้ง) แนะนำให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ฟลูออไรด์ยังคงอยู่ในปาก

นอกเหนือจากการแปรงฟันแล้ว ควรดูแลช่องปากอย่างไรให้ฟันแข็งแรง

  • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หากเป็นไปได้ควรแปรงฟันหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากควบคู่กัน เช่น ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปาก
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ฟันมีปัญหา เช่น นอนกัดฟัน, ใช้ฟันเปิดขวดหรือกัดของเล่น, เคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวเกินไป, ใช้ลิ้นดุนฟัน ฯลฯ
  • พบหมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน หรืออย่างน้อย 3 เดือน ในกรณีที่ฟันมีปัญหา
  • ไม่ละเลยกับการพบหมอฟันเด็กตามนัดหมาย เพื่อที่จะไม่ต้องยืดระยะเวลาการรักษาให้นานขึ้น ซึ่งอาจส่งผลเสียให้ปัญหาฟันเรื้อรัง